ซีรี่ย์ แฟนตาซี American Gods การศึกทวยเทพสองยุค ซีรีย์ที่ได้บทมาจากคนเขียนผู้ดีอังกฤษที่เป็นที่รู้จัก Neil Gaiman ที่พวกเราบางทีอาจผ่านตาผลงานของเขามาบ้างอีกทั้งในซีรีย์ภาพยนตร์แล้วก็ (stop motion) อนิเมชั่น (Good omens-2019 , Coraline-2009, Stardust-2007) ซึ่งแนวของนีลจะเป็นชนิดแฟนตาซีหมองๆเสมือนของหวานที่รสออกขม ติดดาร์กนิดๆคนไหนกันเคยอ่านผลงานเขียนของนีลก็จะรู้ดีว่าเวลาเอามาทำเป็นซีรีย์หรือหนังนี่เป็นลดความเข้มไปเยอะแยะ
จุดแข็งคือทำให้เรื่องไม่เครียด บรรเทากว่า เสมือนเอาไปปรับให้สมดุลไม่เข้มจนถึงตึง แต่ว่าก็ยังคงทิ้งความเทาๆกับเฮฮาร้ายตามแบบฉบับนิลเอาไว้ ซึ่งบทเขียนของนีลได้ถูกมาทำเป็นซีรีย์แล้วก็ได้เอามาปรับปรุงต่อโดย Bryan fuller นักประพันธ์และก็โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกา (Dead Like Me, Wonderfalls, Pushing Daisies, Hannibal)ซีรีย์มีการเดินเรื่องไปแบบเนิบๆไม่เร่งรัดอะไรนัก ตอนอินโทรมีการเกริ่นถึงความเลื่อมใสในพระผู้เป็นเจ้าของสมัยเก่า
(ซึ่งในซีรีย์จะมีการย้อนกลับไปเอ๋ยถึงแต่ก่อนอยู่เป็นระยะ) ด้วยชาวไวกิ้งที่เดินทางมายังอเมริการวมทั้งแสดงถึงการจัดการปัญหาด้วยความร้ายแรงเนื่องมาจากยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการมอบสิ่งที่คิดว่าพระผู้เป็นเจ้าต้องการที่จะให้เพื่อเป็นการเปลี่ยนกับสิ่งที่เราเองปรารถนาเหมือนกัน ก่อนที่จะตัดมาที่ผู้แสดงหลัก ชาโดว์ มูน (Ricky Whittle) ที่ได้รับการปล่อยตัวจากคุกออกมายังไม่ครบกำหนด กลางทางกลับไปอยู่บ้านเขาได้เจอกับ เวนส์เดย์ (lan McShane)
ชายผู้ชอบได้ในสิ่งที่เขาอยากอยู่ตลอด เวนส์เดย์ทาบทามชาโดว์ให้ดำเนินการกับเขา ด้วยบทสำหรับพูดน่าอัศจรรย์ เรื่องวุ่นวายทั้งหลายแหล่ตามมาภายหลังที่ชาโดว์ตอบรับการทำงานกับเวนส์เดย์โดยเรื่องราวหลักจะเกี่ยวกับทวยเทพแล้วก็ความเลื่อมใสตามช่วงที่แบ่งได้สองสมัย เป็นทวยเทพเทวดาตามความเลื่อมใสในสมัยโบราณแล้วก็เทพเทวดาสมัยใหม่ จะมีพูดถึงยุครุ่งโรจน์ของเทวดาองค์นั้นๆแล้วก็พรีเซนเทชั่นการใช้ชีวิตของเทวดาสมัยเก่าที่มิได้รับการเคารพเชื่อถือไปแล้วในสังคมเดี๋ยวนี้
โดยสอดคล้องกับความเชื่อของคนเราที่แปรไป ตัวอย่างเช่น ในแต่ก่อนหากฝนไม่ตกผลิตผลเสียหายหรือแม้กระทั้งเรื่องเล็กน้อยที่ผิดแปลกไปจากเดิม ผู้คนจะมีความเชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้าพิโรธ ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต โกรธที่พวกเราไม่เชื่อถือบูชา หรืออยากได้การบูชา ด้วยเลือด เนื้อ ของของขวัญไม่ว่าจะเป็นสัตว์ข้าวของ
หรือแม้กระทั้งชีวิตของผู้คนร่วมกันเอง ซึ่งพวกเราคงจะรู้จักกับการเซ่นสรวงด้วยสาวบริสุทธิ์จากหนังสยองขวัญแนวภูตหรือลัทธิต่างๆในรูปภาพยนต์มาบ้าง ด้วยความศรัทธาที่แปรไปนั้นเองที่ทำให้จะต้องมีการรวบรวมกำลังของเทวดาสมัยเก่าเพื่อมาฉกชิงอำนาจที่เคยเป็นของพวกเขาให้กลับมาอยู่ในมือราวกับคราวก่อน
ซีรี่ย์ แฟนตาซี ซีรี่ย์อัพเดทตลอดทุกวัน
Tunnel ในปี 1986 กำเนิดคดีการสังหารหญิงสาวหลายรายขึ้นในเมืองฮวายอง พัคกวางโฮ (Choi Jin-Hyuk) สายสืบในคดีพากเพียรทำทุกทางเพื่อสืบเสาะหาตัวฆาตกร แม้กระนั้นไม่ว่าอย่างไรตำรวจก็ไม่เคยได้เค้าเงื่อนอะไรเลย ผู้ต้องสงสัยเพียงแค่รายเดียวที่ กวางโฮ สงสัยสูงที่สุดเป็นเพียงแค่นักเรียนม.ปลาย แม้กระนั้นเขากลับรอดการเช็ดกดำเนินคดีไปได้ เพียงแค่ด้วยเหตุว่าข้อเท็จจริงของครอบครัวที่การันตีที่อยู่ขณะเกิดเหตุการฆาตกรรม
ตอนที่ กวางโฮ ออกมาเดินเที่ยวตรวจหาร่องรอยของผู้ร้ายช่วงดึก ซีรี่ย์ แฟนตาซี ผ่านทางที่เหยื่อเคยใช้มาก่อน เขามองเห็นถึงความไม่ปรกติอะไรบางอย่างในอุโมงค์ปากทางเข้าเมือง สิ่งที่เขามองเห็นเป็นชายคนหนึ่งกำลังทำท่าทางดุจกำลังรัดคอใครซักคน กวางโฮ ก็เลยแน่ใจว่าชายที่เขามองเห็นในมุมมืดเบื้องหน้า เป็นผู้ร้ายที่กำลังตามหาแน่ๆ
ฆาตกรที่รู้สึกตัวว่ากำลังจะโดนจับได้ก็เลยออกวิ่งหนีเข้าไปในอุโมงค์ กวางโฮ ที่วิ่งตามตามเข้าไปยังไม่ทันได้มองเห็นหน้าผู้ร้ายกลับเสียทีถูกตีจนกระทั่งสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมา กวางโฮ เดินออกมายังปลายอุโมงค์ แต่ทว่าโน่นไม่ใช่ที่ที่เขาเคยชิน เมื่อจุดหมายปลายทางของอุโมงค์ที่นั้น พาเขามายังอนาคตปี 2016 ปีที่ฆาตกรในคดีเมื่อ 30 ปีกลายยังผิดจับ และก็ขณะนี้มันได้กลับมาก่ออาชญากรรมการฆาตกรรมตลอดอีกรอบ
ซีรีส์ สอบปากคำ ตื่นเต้น ที่ค่อนข้างจะแตกต่างกัน จากซีรีส์สืบสาวประเทศเกาหลีที่ได้ดูกรหน้าน้อย อย่าง Black ก็มองเห็นการหักมุมความสลับซับซ้อนของบท Voice ทั้งคู่ฤดูกาลก็ย้ำที่การผลิตความระทึกใจจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน ส่วน Signal ย้ำดราม่าที่ความจำกัดความเคลื่อนไหวอดีตกาลแล้วก็อนาคต ส่วน Tunnel หัวข้อนี้แม้ว่าจะเป็นซีรีส์ที่เกี่ยวกับการข้ามเวลา การเชื่อมต่อกันระหว่างสมัยก่อนรวมทั้งอนาคต แต่ว่าซีรีส์มิได้เน้นย้ำหลักสำคัญข้อกำหนดข้อแม้ความเคลื่อนไหวสมัยก่อนแล้วก็อนาคต เป็นเกือบจะมิได้แตะต้องประเด็นนี้เลย
สิ่งที่สะดุดตาของ Tunnel ประเด็นนี้ก็คือบท ที่แม้ให้พูดตรงไปตรงมาเป็น บางครั้งอาจจะไม่สนุก ตื่นเต้น พอๆกับเรื่องที่กล่าวมาข้างบนทั้งหมดทั้งปวงก็จริง เมื่อ Tunnel มิได้ย้ำ ความระทึกใจตื่นเต้นจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน และก็เรื่องราวมิได้ขายความสลับซับซ้อน แม้กระนั้นสิ่งที่ทำให้บทของ Tunnel ประเด็นนี้แข็งแรงกว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาก็คือ เนื้อหาแล้วก็ความน่าวางใจของผู้แสดง เมื่อเป็นซีรีส์ที่มองเอาใจใส่ฉาก crime scene
มีการเก็บเนื้อหากันมุ่งมั่น เอาที่เห็นได้ชัดเลยเป็น ซีรี่ย์ แฟนตาซี ใส่ถุงมือสวมถุงเท้ากันจริงๆกับซีรีส์หรือหนังบางเรื่องมองเห็นเดินฝ่าเข้าที่เข้าทางเกิดเหตุเอามือเปล่าจับจับหลักฐาน ถ้าหากเกิดเรื่องจริงสถานที่เกิดเหตุแปดเปื้อนหมด แล้วผู้แสดงมีการลงพื้นที่สอบสวน ลงรายละเอียดการเชื่อมต่อข้อมูลมาพินิจพิจารณา จนถึงผู้ชมเห็นภาพตามการสอบปากคำไปด้วยได้จริงๆมิได้ใช้โชคดวง แปรปรวน ความเหนือธรรมชาติ ใช้บทช่วยแบบฟลุ๊คๆเช่นเดียวกับเรื่องอื่น
แม้กระนั้นถามคำถามว่ามันมีความไม่น่าเชื่อถืออยู่ไหมกับซีรีส์ประเด็นนี้ มันก็ยังมีเจืออยู่บ้างกับความเป็นซีรีส์เหนือธรรมชาติ หรือความไม่สมเหตุผลของการที่ พัคกวางโฮ เข้ามาร่วมกลุ่มสืบสาวโดยการใส่รอยเป็นบุคคลอื่น แล้วไม่มีผู้ใดสงสัยในตอนแรก แต่ว่าถ้าเกิดเจาะรายตัวละเอียดย่อยที่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ก็จัดว่าซีรีส์ประเด็นนี้บทแข็งแรงดีเรื่องหนึ่งเลยล่ะ แต่ว่าอย่ามีความคิดเห็นว่าผมดูเรื่องบทแข็งแรงก็ดีแล้วจะไม่มีส่วนที่ผิดดวงใจนะ
เมื่อสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งปวงมันถึงเพียง EP 11 แค่นั้น เนื่องจากภายหลังที่คดีย่อยที่ไม่ใช่เรื่องราวหลักจบหมดไปแล้ว เข้าเรื่องของคนร้ายตัวจริงเต็มๆซีรีส์ก็เริ่มยัดดราม่าเข้ามา เริ่มมีฉากชะตาชีวิต แปรปรวน ความบังเอิญต่างๆจนกระทั่งเริ่มแอบขัดใจเล็กๆฮ่าฮ่า ถ้าหากจะให้ยกตัวอย่างฉากแนวนี้ก็เป็นต้นว่า เวลาผู้แสดงจะบอกความลับ หัวข้อหลักต่อกัน ชอบคำนำไม่บอกออกมาสักครั้ง
กระทั่งในที่สุดก็ไม่มีช่องทางได้บอก (ใน Signal ฉากแนวนี้เยอะแยะ) ซีรี่ย์ แฟนตาซี หรืออย่างเวลาตัวละครที่เป็นตัวละครเอกได้ประจันหน้ากับนักแสดงร้าย ก็มักน้ำลายแตกฟองกว่าจะลงมือจับได้คุยกันอยู่นั่นแหละ แล้วท้ายที่สุดตัวร้ายก็หนีพ้นไปได้ รู้เรื่องล่ะว่ามันเป็นน้ำจิ้มเพิ่มอรรถรสของหนังหรือซีรีส์ หากว่ามีแม้กระนั้นพอดิบพอดีผมก็ว่าเพิ่มความเบิกบานใจได้ แต่ว่าแม้ใส่เข้ามามากเกินไปผมว่ามันทำให้ลดความสนุกสนาน รวมทั้งลดความน่าวางใจของบทลงไปด้วย
ตัวละครที่เป็นตัวละครเอกสามคนอย่าง พัคกวางโฮ, คิมชอนแจ (Hyun-min Yoon), เคยชินแจยี (Yoo-Young Lee) ก็คาแรคเตอร์แข็งแรงทั้งยังสามคน ชเวจินฮยอก ก็แสดงเป็น พัคกวางโฮ ได้สมกับเป็นตำรวจที่มาจากสมัย 80s จริงๆไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นความเร่อร่ากับเรื่องแปลกใหม่ แต่ว่ารวมทั้งประเด็นการพิสูจน์สืบสวน ที่อะไรบางอย่างการใช้แนวทางดุจเดิมมันก็ยังเห็นผล แต่ว่าแนวทางเช่นเดิมอะไรบางอย่าง(อย่างการอัดผู้ต้องหา)มันก็ไม่อาจจะใช้ได้กับการไต่สวนในตอนนี้ ยุยงนฮยอนไม่น ก็เป็น คิมชอนแจ ที่เป็นจริงเป็นจังสมกับการที่บทปูพื้นเบื้องหน้าเบื้องหลังของนักแสดงนี้มา
เรียกว่ากำลังขับดันสำหรับเพื่อการหาตัวฆาตกรของ คิมชอนแจ บางทีก็อาจจะมากยิ่งกว่า พัคกวางโฮ เสียด้วยซ้ำ ส่วน สหภาพยุโรปยอง ที่สวมบทบาทเป็น คุ้นชินแจยี เอาจริงเอาจังรับสารภาพว่ามองเห็นนักแสดงนี้ในตอนแรก เป็นตัวละครที่แข็งทื่อขาดเสน่ห์เอาเสียเลย แม้กระนั้นพอเพียงเดินเรื่องราวไปได้ครู่หนึ่ง เริ่มเผยภูมิหลังของผู้แสดงนี้ออกมา ทัศนคติที่มีต่อนักแสดงของผมก็เริ่มแปรไปนะ เริ่มดูเป็นบวกเยอะขึ้นเรื่อยๆถึงจะยังมองแข็งอยู่ก็เหอะ ฮ่าฮ่า
Tunnel ประเด็นนี้ก็เป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่จับเอาคดีดังของประเทศเกาหลีอย่าง Hwasong Murder Case คดีการฆ่าตลอดเพศหญิงในเมืองฮวาซอง Cold Case ที่ยังไม่อาจจะจับกุมผู้ร้ายมาลงทัณฑ์ได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่ง Tunnel ถือมามาใช้เป็นเส้นเรื่องหลักสำหรับการหาตัวฆาตกร เพียงแค่แปลงชื่อเมืองเป็น ฮวายอง แทน ทั้งติดต่อมุมมองใจความหลักในเรื่องของความรู้สึกเหยื่อรวมทั้งครอบครัว การจับผู้ร้ายสำคัญก็จริง แม้กระนั้นการช่วยชีวิตเหยื่อให้รอดบางทีอาจเป็นเรื่องจำเป็นกว่า ทั้งแอบให้ความเอาใจใส่กับคำว่า ครอบครัว ไม่ว่าจะเรื่องราวของตัวละครที่เป็นตัวเอกอีกทั้งสามคน เหยื่อรวมทั้งครอบครัว รวมทั้งตัวคนร้ายของเรื่องอีกด้วย
The Mitchells Vs. The Machines บ้านฉันฟัดจักรกล
บ้านไม่ตเชลล์ ปะทะ จักรกล (The Mitchells vs. the Machines) ภาพยนตร์อนิเมชั่นฟอร์มยักษ์จากโซนี่ ดูแลแล้วก็เขียนบทโดย ไมเคิล ริอันด้า (Michael Rianda) ผู้เคยฝากผลงานอนิเมชั่นดีเยี่ยมที่สุดทางโทรทัศน์อย่าง มึงร์วิตี้ฟอล (Gravity Falls) ขึ้นแท่นดูแลอนิเมชั่นเรื่องยาวเป็นครั้งแรก โดยมี ฟิล ลอร์ด และก็ คริส ไม่ลเลอร์ นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ควบคุมงานที่เคยฝากผลงานอนิเมชั่นของค่ายเดียวกันอย่าง น่าพิศวงลูกชิ้นตกทะลุมิติ (Cloudy with a Chance of Meatballs)
แล้วก็โปรดิวเซอร์งานชนะรางวัลออสการ์อย่างสไปเดอร์-แมน: ซีรี่ย์ แฟนตาซี ผงาดสู่จักรวาล-แมงมุม (Spider-Man: Into the Spider-Verse) พร้อมได้เสียงบรรยายโดยดาราหนังอย่าง ดินแดนนี แมคไบรด์, แอ็บบี้ เจค็อบสัน, มายา รูดอล์ฟ และก็ดาราหญิงผู้ได้รางวัลออสการ์จาก เดอะ เฟฟเวอริท อีเสน่ห์ร้าย อย่าง โอลิเวีย วัวลแมน โดยภาพยนตร์หัวข้อนี้มีระบุจำต้องฉายโรงเมื่อเดือนกันยาปีกลายในชื่อ CONNECTED แต่ว่าเนื่องจากวัววิดก็เลยจำต้องเลื่อนไปก่อนที่จะจบลงด้วยการที่ NETFLIX
ทุ่มทุนซื้อมาฉายในเมษายนรับวันหยุดที่สุด โดยภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้รับคำยกย่องอย่างล้นหลามโดยสื่อจากต่างแดน ในเมื่อมันเข้ามาถึงเมืองไทยที่มีพร้อมด้วยเสียงไทยเต็มแบบอย่าง บางโอกาสนี่บางทีอาจจะเป็นม้ามืดอีกหัวข้อของโซนี่เลยก็ได้ ฉะนั้นพวกเรามาอ่านเรื่องย่อกันก่อนเลยบ้านไม่ตเชลล์มองผิวเผินนั้นบางครั้งก็อาจจะเป็นเพียงแค่ครอบครัวปกติแถมฟั่นเฟือนสุดกู่ ไม่มีอะไรที่ดูดีเลยสักอย่าง แม้กระทั้งคนภายในครอบครัวยังไม่กล้าหันเข้าพบกัน
แม้กระนั้นเมื่อทริปของบ้านไม่ตเชลล์สู่มหาวิทยาลัยภาพยนตร์ของบุตรสาวคนโตอย่าง เคที่ จำต้องจบลงทันทีทันใด เมื่อกำเนิดหายนะขึ้นจากเทคโนโลยีที่นำสมัยเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุม ครอบครัวที่มีรอยห่างระหว่างความข้องเกี่ยวก็เลยจำเป็นต้องประสานมือกันฝ่าฟันวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาพบมาให้ได้ก่อนที่จะโลกทั้งยังใบจะถูกจักรกลครอบครองจนกระทั่งไม่เหลือซาก ปัญหาที่สำคัญเป็น พวกเขาทั้งยังแย่และไม่มีอะไรที่เข้าเกณฑ์การเป็นวีรบุรุษเลยนิดหน่อย
เป้าหมายที่ปราศจากความรัดกุมก็เลยก่อให้เกิดเรื่องราวสุดชอบใจที่จะเป็นบทเรียนสำคัญที่จะเชื่อมตัวให้ครอบครัวที่ห่างเหินกลับมารวมพลังกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกที แม้ว่าจะเป็นท่ามกลางหายนะวันจักรกลยึดโลกก็ตาม”อนิเมชั่นหัวข้อนี้มีความสะดุดตามากมายตรงการเล่าเรื่องที่แบ่งรูปร่างออกอย่างพอดี โดยในตอนแรกหนังจะใช้เวลาปูนักแสดงต่างๆใส่เงื่อนความไม่ถูกกันนิดๆหน่อยๆเป็นระยะ พร้อมด้วยส่งเสริมใจความสำคัญจุดสำคัญของเทคโนโลยีเข้ามาเล่าแบบแทรกๆยังไม่ใช่หัวข้อสำคัญ
แม้กระนั้นก็มีฉากให้ซึมเศร้า น้ำตารื้นเท่า ซีรี่ย์ แฟนตาซี กับหัวข้อของครอบครัวที่บางครั้งอาจจะยังไม่คลี่คลาย ก่อนที่จะหนังจะสลับตัวเองเป็นหนังแนวโร้ดทริปสไตล์ขับขี่รถไปจากที่ต่างๆรวมทั้งมีการใส่ฉากความเกี่ยวพันของครอบครัวแบบที่มองเห็นกันอย่างชัดๆซึ่งขณะนี้จะยังไม่ค่อยมีอะไรมากมาย จนถึงหนังจะขว้างฉากไซไฟสุดอลังที่ไม่มีให้มองเห็นในแบบอย่างมาเริ่มดำเนินเรื่องอย่างเร็ว เมื่อผู้แสดงจำต้องบากบั่นดิ้นรนเอาชีวิตรอด เปลี่ยนเป็นหนังแบบวันสิ้นโลก แต่ว่าก็ยังไม่ทิ้งหลักสำคัญของครอบครัว ทั้งยังยังรักษามุกตลกขบขันที่ใส่มาอย่างถูกจังหวะที่บางโอกาสตอนมองก็มิได้มีความรู้สึกว่าจะขำ
แม้กระนั้นก็ขำออกมาได้หลายฉาก บางทีอาจด้วยเหตุว่าจังหวะจะโคนของเรื่องราวมันมีความเฮฮาบนความเอาจริงเอาจัง เมื่อหนังอยากที่จะให้พวกเรารู้สึกเรียกตัวละครนั้นๆซึ่งผมเห็นว่านี่เป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในอนิเมชั่นดิสนีย์ที่ผมคิดว่าเพียรพยายามจุดโฟกัสใจความสำคัญหนึ่งจนกระทั่งมองเป็นอนิเมชั่นสำเร็จรูป แม้กระนั้นมันมีเอกลักษณ์การเล่าเรื่องของตนเองเป็นแบบที่ว่า ถ้าเกิดทีแรกๆอนิเมชั่นประเด็นนี้ตั้งมั่นทำเป็นหนังเวอร์ชั่นคนแสดงก็ไม่มีอะไรสงสัยเลย ด้วยเหตุว่าพล็อตกับส่วนประกอบมันพอดีมากมายตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบ
Raised By Wolves
ซีรีส์หัวข้อนี้ผู้กำกับ Ridley Scott (ควบตำแหน่ง Executive Producer กับการควบคุมสามทีแรกๆ) ได้แรงผลักดันต่อยอดจากผลงานสร้างของตนเองอีกทั้ง Alien กับ Prometheus โดยผู้แสดงนำเป็นแอนดรอยด์ชายกับหญิงคู่หนึ่งที่เรียกตัวเองว่า ฟาคุณร์ มาคุณร์ (บิดา แม่) มีบทบาทค้นหาดาวดวงใหม่แทนโลกที่เกิดการรบล้างเผ่าพันธ์ แล้วก็ลงหลักปักฐานดูแลให้กำเนิดรวมทั้งป้องกันลูกมนุษย์จากตัวอ่อนที่ถูกส่งขึ้นมา โดยกรุ๊ป เอทิสต์ (Atheist)
คนไม่เชื่อพระผู้เป็นเจ้า คนไม่มีศาสนา โดยถูกโปรแกรมให้เลี้ยงเด็กพวกนี้ขึ้นมาและก็สั่งสอนห้ามเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าและก็ศาสนาชนิดเดียวกันกับที่เอทิสต์ยึดมั่นไว้เหมือนกัน แม้กระนั้นเมื่อระยะเวลาผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างกลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายไว้ และก็พวกเขากลุ่มนี้จะต้องเจอกับฝูงคนที่นับถือศาสนาและก็เดินทางจากโลกมาหาดินแดนใหม่ที่นี้เช่นเดียวกัน
องค์ประกอบโลกไซไฟในหัวข้อนี้ออกจะแปลกใหม่มากมาย ซีรี่ย์ แฟนตาซี ด้วยการเริ่มเรื่องในอนาคตที่มนุษย์สามารถเดินทางผ่านจักรวาลเพื่อชายหาดวงดาวที่ตั้งภูมิลำเนาใหม่ได้แล้ว แต่เลือกใช้โปรดักชั่นวางแบบเครื่องแต่งตัวกับส่วนประกอบหลายชนิดที่มองย้อนยุคเชยๆอย่างชุดพลาสติครัดรูป กระทั่งรู้สึกขัดลูกตาในระยะแรก ก่อนที่จะพวกเราจะเข้าหัวใจเรื่องราวโดยรวมว่ากำเนิดอะไรขึ้นในวันหลัง ผ่านการแฟลชแบ็คย้อนกลับไปเป็นช่วงๆถึงระยะเวลาบนโลกกับการทำศึกที่เกิดขึ้น
โดยมีการต่อสู้กันของสองฝ่ายระหว่างผู้เชื่อในวิทยาศาสตร์กับศาสนา รวมทั้งยังมีหุ่นแอนดรอยด์ที่ถูกเรียกว่า เนวัวรแมนเซอร์ (Necromancer) สร้างโดยข้างศาสนา จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นตัวการล้มล้างมนุษย์โดยยังไม่รู้เหตุผลที่มาว่ากำเนิดอะไรขึ้นแน่ (อัพเดท หากแม้กระทั่งจบ SS1 ปัญหานี้ก็ยังผิดเฉลยคำตอบ)ตัวเรื่องออกจะเต็มไปด้วยปัญหามากไม่น้อยเลยทีเดียวตั้งแต่แรก ทั้งยังคำบอกเล่าแล้วก็พฤติกรรมของสองแอนดรอยด์ตัวนำ
แม้กระนั้นเรื่องก็มิได้ปิดเป็นเงื่อนค้างไว้ เพียงแค่ใช้กรรมวิธีการเล่าย้อนกลับมาให้ผู้ชมรู้เรื่องในวันหลัง ซึ่งในตอนแรกบางทีก็อาจจะดูอย่างกับว่าเข้าใจยาก แต่ว่าส่วนตัวนักเขียนรู้สึกว่ามองง่ายดายยิ่งกว่า Prometheus ที่ได้ผลงานเดียวกันของผู้กำกับซะอีก เพราะเหตุว่าหลายๆอย่างสะสางในตอนค่อมาโดยมิได้ทิ้งเงื่อนติดอยู่ไว้ และก็ในหัวข้อนี้ก็ยังมีพล็อตเรื่องในหนทางใกล้เคียงกัน ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งถ้าหากคนไหนกันแน่ตามเนื้อหาของ Prometheus ก็กับภาคถัดมารวมทั้งเรื่องราวต่อมาที่ยังไม่จบ ก็คงจะได้มีความคิดเห็นว่าผู้กำกับ Ridley Scott
หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องแอนดรอยด์ที่มีกลไกความนึกคิดและก็ร่างกายเสมือนมนุษย์แค่ไหน (จริงๆก็ตั้งแต่ Blade Runner ปี 1982 ที่ได้ผลงานของเขาด้วยเหมือนกัน) จนกระทั่งขั้นตอนสุดท้ายแอนดรอยด์ก็เสมือนเป็นมนุษย์ รวมทั้งสามารถสร้างชีวิตประดิษฐ์ขึ้นเองได้แบบที่มนุษย์มอบให้แอนดรอยด์ด้วยเหมือนกันซึ่งหัวข้อนี้ก็เพิ่มเติมจินตนาการเรื่องแนวความคิด ผู้ผลิต เอ็นจิเนียร์ หรือพระผู้เป็นเจ้า มาอยู่ในรูปของแอนดรอยด์ในโลกใหม่
โดยมิได้ไปในแนวทางความนึกคิดมุ่งสู่การมีชีวิตจิตใจเสมือนมนุษย์แบบผลงานก่อนๆ(แอนดรอยด์ในประเด็นนี้ผู้กำกับตั้งมั่นให้แยกออกด้วยคำกล่าวรวมทั้งลีลาแจ่มชัดว่าถูกโปรแกรมไว้) แต่ว่าเอาจุดนั้นมาใส่ด้านในเรื่องราวการดูแลลูกมนุษย์ด้วยมือแอนดรอยด์ พร้อมชุดความนึกคิดที่ถูกโปรแกรมให้สอนเด็กพวกนั้นไม่ให้เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ศาสนา หรือจิตวิญญาณ (โซล) ในตัวมนุษย์อีกต่อไป ด้วยความปรารถนาว่าจะสร้างโลกยูโทเปียขึ้นมาแทนโลกที่ถูกทำลายล้างไป ซึ่งทางข้างศาสนาในเรื่องก็มีชุดความเชื่อถือที่สอนกันในกรุ๊ปฝังไว้ให้เด็กๆมีความขัดแย้งกับฝั่งเอทิสต์
แล้วก็เดินทางมาถึงดาวดวงเดียวกัน กระทั่งกำเนิดเป็นการรบขึ้นอีกที ซีรี่ย์ แฟนตาซี รวมทั้งขัดแย้งกับฝ่ายเดียวกันเรื่องความเชื่อถือกับเชื่อถือต่างๆที่ข้างเอทิสต์กลับเริ่มมีชุดความนึกคิดนี้ขึ้นในตัว แม้กระทั้งแอนดรอยด์ทั้งสองในหลังจากนั้นก็เริ่มใกล้ความเป็นคนมากเพิ่มขึ้นแม้กระนั้นเรื่องบนดาวดวงนี้มีเพียงแค่กรุ๊ปผู้รอดชีวิตจากโลก ก็เลยมิได้เป็นแถวฉากการศึกใหญ่ มีแค่เพียงการตามล่าต่อสู้กันในวงจำกัด ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต โดยมีธรรมชาติอันขาดความกรุณาปรานีของดวงดาว
กับสิ่งมีชีวิตดุร้ายบนดาวดวงนี้มาเป็นแบ็คกราวด์เสริมเรื่องหลักอีกครั้ง แต่ว่าเรื่องก็มีแฟลชแบ็คกลับไปฉากการทำศึกบนโลกที่วิจิตรตระการตาพอใช้ เนื่องจากว่าเป็นการรบที่มนุษย์ถูกล่าโดยแอนดรอยด์เนวัวรแมนเซอร์ (คล้ายเรื่องของเซนติเตียนเนลใน X-Men Days of the Future Past) แล้วก็ตัวสาเหตุของเนวัวรแมนเซอร์ก็เป็นความลับของเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับสองแอนดรอยด์ ฟาคุณร์ มาคุณร์ ที่อยู่บนดาวดวงนี้ด้วยเหมือนกัน
ตัวเรื่องให้อารมณ์แนวดราม่าทริลเลอร์ ลุ้นระทึกไปกับการเอาชีวิตรอดบนดาว รวมทั้งการเลี้ยงเด็กของสองแอนดรอยด์ ที่มีความผิดธรรมดาแอบซ่อนอยู่ในภาวะที่พากเพียรทำให้ดูราวกับว่าธรรมดา รวมทั้งเป็นสาเหตุของชื่อ Raised by Wolves เกิดกำเนิดรวมทั้งอุปถัมภ์ค้ำชูโดยสุนัขป่า โดยที่สุนัขป่าแทนตัวแอนดรอยด์มาคุณร์ในเรื่องโยงมาถึงนิทานเรื่อง สุนัขป่ากับลูกหมูสามตัว ยิ่งกว่านั้นตัวเรื่องยังจัดว่าร้ายแรงมากมาย อย่างในตอนแรกก็ใส่ฉากเลือดสาดกระจัดกระจายมาให้ผู้ชมเชิญช็อค เมื่อความลับของมาคุณร์ถูกเผยขึ้นมา
Carnival Row (SS1) ปัญหาโลกต่างชนิด ผิดแผกแตกต่างและก็หนึ่ง
ซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีไต่สวน ดัดแปลงแก้ไขจากบทภาพยนตร์ที่มิได้ใช้อย่าง A Killing on Carnival Row การฆ่าสังหารเมืองมรณะ ซึ่งเป็นบทที่ดินผู้ผลิต ทราวิส บีชาม ได้เขียนไว้ ก่อนที่จะเอามาปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงเป็นซีรีส์ยาวแปดตอนร่วมกับ เรอเน เอเชวาร์เรีย แสดงนำโดย ออร์แลนโด บลูม, ติดอยู่ร่า เดเลวีน, ไซมอน แมคเบอร์นีย์, แทมสิน เมอร์ระเบียงต์, เดวิด จีอาซี่ สร้างโดย Legendary Television ออกฉายทางสตรีมมิ่ง อะเมซอน พงม์
ตั้งแต่สิงหาคมปี 2019 แต่ว่ากว่าผมจะได้มาเปิดมองก็ในระหว่างที่มีข่าวสารว่าจะมีฤดูกาล 2 ผมเลยจะต้องมาดูสักนิดสักหน่อยว่ามีดียังไง พูดได้ว่าเกิดเรื่องที่นอกสายตามากมาย หากแม้กระแสตอนออกมาใหม่ๆจะไปในด้านดี แต่ว่าเนื่องจากว่าตอนนั้น ผมไม่ทราบเลย มิได้หาซีรีส์อะไรดูด้วย เลยพลาดไป แม้กระนั้นนี่เป็นจังหวะที่ดีที่พวกเราจะมาทำความรู้จักกับซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่เปี่ยมไปด้วยงานสร้างเหนือจริง แล้วก็มากมายด้วยดารามากมายความสามารถอย่างแออัด
พล็อตที่เปิดตัวด้วยความรักรวมทั้งการฆ่า ซีรี่ย์ แฟนตาซี ผสมกับเรื่องเทพนิยายและก็โลกในแบบสตรีมพังก์สมัยวิคตอเรียศตวรรษที่ 17 มันจะมีผลให้โลกด้านในเรื่องน่าดึงดูดไหม รวมทั้งอะไรที่ทำให้มันดีกระทั่งสามารถได้ไปต่อในฤดูกาลหน้าเหตุว่าด้วยโลกในศตวรรษที่ 17 เรื่อง 7 ปีภายหลังจากการสู้รบระหว่างมนุษย์กับชาวแพ็คได้กำจัดเหล่าเฟที่เคยอาศัยบนแผ่นดินเทอร์นาน็อกเดิมไปจนกระทั่งเกือบจะหมดไป ไรคคอยฟต์ ฟิโลสเตรต ตำรวจสืบสาวผู้เคยผ่านสนามรบรบ
เป็นเพียงผู้เดียวที่เต็มอกเต็มใจจะหยุดการฆาตกรรมและก็รักษาความสงบสุขที่แสนบอบบางในเบิร์ก เมืองมนุษย์ที่ๆเต็มไปด้วยการแบ่งชนชั้นทางสังคม แต่ว่าเมื่อวินเยตต์ สโตนมอสส์ เฟสาวที่ซ่อนหนีและก็ได้เจอกับการสิ้นไปต้องหาทางที่จะเอาชีวิตรอดวินเยตต์ยังจำต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับบางสิ่งบางอย่างที่น่าน่ากลัว ท่ามกลางสังคมที่อยากใบหน้าแล้วก็เงินทองของเอ้อร์ซ่ารวมทั้งอิโมเจน สเปิร์นโรส กับพัคผู้สุภาพเรียบร้อยอย่างเอ้อร์กัส การบ้านการเมืองที่ช่วงชิง
ชิงเด่นของครอบครัวหัวหน้าเมืองอย่าง แอบซาลอม สล๊อต ออโต้ กับเมียและก็ลูกชาย พอเพียงร์เตียกับโจนาห์ เบรกสเปียร์กับคู่คัดค้านอย่าง ริทเตอร์ กับโซฟี ทดลองเกอร์เบน ความปรารถนารวมทั้งความรักในคาร์นิวัล โรว์ของเหล่าเฟกับมนุษย์ที่ปรารถนาความสบาย ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพัคและก็ชาวโทรลที่ยากแค้นแล้วก็เกลียดชัง รวมทั้งเงามืดที่ซ่อนใต้เมือง ท่ามกลางความสับสนรวมทั้งวกไปวนมาของเมืองเบิร์ก จะดึงทุกคนในเมืองไปสู่เคราะห์กรรมรวมทั้งอนาคตที่ไม่บางทีอาจคาดหมาย”หากแม้หน้าหนังจะมองเป็นซีรีส์รักต่างเชื้อสายแบบที่ซีรีส์แฟนตาซีเป็นกัน
แต่ว่าจริงๆมันเป็นซีรีส์แนวการบ้านการเมืองสังคมที่ฉาบด้วยการพิสูจน์ผสมกับส่วนประกอบแบบเทพนิยายที่หมองหมองและไม่ได้งาม มันเต็มไปด้วยการกดขี่ของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยใช้ตัวกลางเป็นตัวเองชายแล้วก็หญิงเป็นตัวสะท้อนภาพพวกนั้นให้คิดอาจเป็นการเลียนแบบสังคมระบบทุนนิยมอเมริกาในขณะนี้ที่มีการแบ่งผิว เหยียดหยามคนที่ย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศโดยใช้สิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติแทนภาพของบุคคลภายนอกที่ไม่ถูกกฏหมายและไม่ได้สารภาพจากคนชนชั้นที่สูงกว่าหรือเป็นผู้ชนะการทำศึก แล้วก็เปลี่ยนภาวะเป็นแรงงานหรือไม่ก็แปลงเป็นหญิงคณิกา
งานข้างในซ่องโสเภณีให้มนุษย์ใช้ระบายความปรารถนารวมทั้งดูถูกไปๆมาๆ ส่วนสิ่งที่หลงเหลือของผู้แพ้เป็นการเปลี่ยนภาวะเป็นนิทรรศการให้คนผู้ดีได้มาเชยชม อย่างกับมันไม่มีคุณค่าอะไร คนคนชั้นสูงที่มีความคิดว่าการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ย้ายที่อยู่เป็นราวกับพระมาโปรดและไม่จำเป็นที่จะต้องเอาใจใส่สนใจอะไรอีก
โดยมีความเกี่ยวเนื่องอันสลับซับซ้อนระหว่างความรักและก็ผลตอบแทน ซีรี่ย์ แฟนตาซี ความต้องการและก็ความรังเกียจ การฆาตกรรมและก็แรงกระตุ้น ที่ถึงแม้ซีรีส์จะให้ผู้แสดงอย่างวินเยตต์ กับ ไฟโลเป็นตัวนำ แต่ว่าก็เล่าสิ่งแวดล้อม มุมมองของผู้แสดงอื่นๆที่มีความเกี่ยวข้องในทางคดีหรือทางเรื่องราว ทำให้มันเป็นซีรีส์แนวสอบปากคำที่มีการปูบทพอควร คิดออกว่ากว่าเรื่องจะติด จะต้องใช้เวลา 3 ตอนอย่างยิ่งจริงๆ หากคนใดกันเบื่อๆก็ไม่ต้องประหลาดใจ
เพราะว่ามันจะเบาๆดูหนังผ่านเน็ต สร้างโลกที่น่าไว้ใจแล้วก็เป็นได้ เหมือนกับ ฉากเซ็กส์ระดับ 20+ ที่มองเห็นหมดในเกือบทุกในตอนที่มี ฉากการฆ่าหรือล้วงเครื่องในแต่ละในตอนที่ชั่วร้ายระดับ 18+ ที่ดูแล้วอาจจะอักอ่วนแน่นอนผู้แสดงในเรื่องถูกแบ่งได้เป็นสามเส้นเรื่อง เช่น ชนชั้นเฟ คนชั้นสูง และก็ชนชั้นดูแลที่ต่างมีเรื่องมีราวราวและก็ปัญหาเป็นของตนเอง ซึ่งครั้งคราวมันก็สะดุดตากระทั่งแย่งซีนเส้นเรื่องอื่นๆแล้วก็เกือบจะมิได้เกี่ยวข้องกันโดยตรงมากเท่าไรนัก เพียงแค่มันอยู่บนพื้นที่เดียวกันแม้กระนั้นต่างมุมมอง เพราะฉะนั้นพวกเขาจะมีมุมมองของตนเองแตกต่างกันเมื่อดูไปที่อีกชนชั้นหนึ่ง
ตามสิ่งที่พวกเขาเป็นรวมทั้งบางทีก็อาจจะเปลี่ยนได้ตามความจำเป็นการยินยอมรับ ความทะยานอยากที่จะยิ่งใหญ่ในสังคมถูกพรีเซ็นท์ออกมาอย่างมีมิติและไม่ได้แบนราบ เพราะว่าทุกผู้แสดงมิได้ดีหรือร้าย 100 เปอร์เซนต์ แต่ว่าให้เรียกว่ามีเป้าหมายเป็นของตนเอง ในเวลาเดียวกันก็จะมีการเบาๆใส่ความโรแมนติกต่างชนชั้นเข้ามาให้มองเห็นความเจริญของนักแสดงในเรื่องไปพร้อมๆกระทั่งสิ้นเรื่องอีก ชนชั้นการบ้านการเมืองก็จะมีเรื่องมีราวของผลตอบแทนทับซ้อน
การคิดคดทรยศคิดคดทรยศ การเดินหน้าสู่ความโหฬาร ซีรี่ย์ แฟนตาซี ผู้แสดงต่างมีบุคลิกผิดแผกแตกต่างแล้วก็สะดุดตา มีเส้นเรื่องเป็นของตนเอง ดูหนังผ่านเน็ต นอกจากเส้นเรื่องหลัก ช่วยทำให้โลกในเรื่องยิ่งใหญ่เข้าไปอีก ในส่วนของชนชั้นเฟก็จะมีความเป็นแฟนตาซีครึ่งไต่สวนที่เชื่อมโยงกันผ่านคดีการฆ่าสังหาร พูดได้ว่ามองซีรีส์ประเด็นนี้ ได้มองหลายแนว โรแมนติก ดราม่า การบ้านการเมือง ตื่นเต้น แฟนตาซี แล้วก็เปลี่ยนเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าเกิดให้ผมเล่ามากยิ่งกว่านี้มันก็จะเสียอรรถรสเนื่องจากว่าถ้าเช่นนั้นต้องการให้ไปดูด้วยตาของตนเอง